ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) เป็นประเทศที่มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ซึ่งทำให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การเข้าใจศุลกากรและอากรนำเข้าของ DRC เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการทำงานในตลาดที่เต็มไปด้วยความดุจและท้าทายนี้ บทความนี้จะให้ภาพรวมลึกลงเกี่ยวกับข้อกำหนดของศุลกากร อากรนำเข้า และสภาพแวดล้อมธุรกิจโดยรวมใน DRC.
การเข้าใจโครงสร้างศุลกากร
ระบบศุลกากรของ DRC อยู่ภายใต้การดูแลของกรมศุลกากรและภาษี (DGDA) หน่วยงานนี้รับผิดชอบต่อการกำหนดคุณลักษณะและการตรวจสอบสินค้าที่เข้าและออกจากประเทศ กระบวนการศุลกากรมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และให้ความสนใจที่จะเก็บอากรและภาษีที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการศุลกากรของ DRC สามารถทำให้ผสมคลับโดยมีขั้นตอนหลายขั้นตอน:
1. **การตรวจสอบก่อนการขนส่ง (PSI)**: ก่อนสินค้าเข้ามาใน DRC จะต้องผ่านการตรวจสอบ PSI โดยบริษัทตรวจสอบที่ได้รับอนุญาต นี้ทำให้แน่ใจว่าสินค้าตรงตามมาตรฐานและข้อบังคับท้องถิ่น
2. **การสำรับศุลกากร**: ผู้นำเข้าต้องยื่นชำระศุลกากรที่เชิงลึกที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะ มูลค่า และปริมาณของสินค้า
3. **ชำระอากรและภาษี**: ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า จะต้องชำระอากรและภาษีต่างๆ ซึ่งรวมถึงอากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อากรจำนวน เป็นต้น
4. **การปล่อยสินค้า**: เมื่อขั้นตอนทั้งหมดถูกดำเนินอย่างถูกต้อง พนักงานศุลกากรจะปล่อยสินค้าให้เข้าสู่ตลาดในระดับท้องถิ่น
อากรนำเข้าและภาษี
อากรนำเข้าใน DRC รวมๆ แล้วคำนวณขึ้นอยู่กับต้นทุน ประกัน และค่าขนส่ง (CIF) ของสินค้าที่นำเข้า อัตราภาษีต่างก็แตกต่างขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ซึ่งสามารถระหว่าง 5% ถึง 30% นี่คืออัตราภาษีที่ตามปกติสำหรับสินค้าที่พบบ่อย:
– **สินค้าบรรจุพื้นฐาน**: 5-10%
– **ถ่านของระดับพื้นที่**: 10-20%
– **สินค้าหรูหรา**: สูงสุด 30%
นอกเหนือจากอากรนำเข้า DRC ยังมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 16% สำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ อีกทั้งอากรจำนวนอาจเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ชนิดเฉพาะเช่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสุรา และผลิตภัณฑ์น้ำมัน
สภาพแวดล้อมธุรกิจใน DRC
DRC มีโอกาสที่สำคัญสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในด้านเหมืองแร่ การเกษตร และพัฒนาพื้นฐาน ประเทศนี้เป็นที่อยู่ของเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เหรียญทอง และทอง พื้นที่อันแสนกว้างของประเทศนี้ยังมีศักยภาพในการพัฒนาการเกษตร
แต่การทำธุรกิจใน DRC มีความท้าทายด้วย ประเทศมีอันดับต่ำในดัชนีของธุรกิจที่ง่ายงันของธนาคารโลก เนื่องจากปัจจัยเช่นการแอบแฝงการลงทุนของข้อที่ไม่เพียงพอ นุ้นนุท infrastructure และความไม่มั่นคงทางการเมือง การทุจริง และการปฎิบัติของกฎระเบียบอย่างไม่ต่อเนื่อง ซึ่งสร้างอุปสรรคเพิ่มเติ๊มให้กับธุรกิจ
เพื่อลดอุปสรรคนี้ ธุรกิจโดยทั่วไปมักจะติดต่อทางพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นที่มีความรู้ความชำนาญในการนำทางพิถุความซับซ้อนของกฎระเบียบ การดำเนินการที่เป็นปฏิบัติ เช่น การดำเนินการประกันภัยเสี่ยงทางการเมืองอย่างละเอียดและการรักษาที่เหมาะสมจะสามารถป้องกันการทุนที่มั่นอย่างมากที่อยู่ระหว่ายณ.
โอกาสด้านการค้าและภาวิตามาชิด
ไต้เขียวอย่างไรก็ตาม DRC ยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน รัฐบาลได้ดำเนินการสู่การผลัดเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการปฏิบัติธรรมธุรกิจ ทั้งมีพยุงกัมทีดวงกันกรงกว้างของ DRC มุกือการเข้าถึงไปรียงท้องถิ่นผ่านข้อตวัดของการค้าทัดน่า ต่อกับชุคเคนอษาธุหะในซาฟเดา แอฟริกาใต้ และการแนลรวดฟ่ายใต้ตอนเป็นต้น
เพื่อสรุป แม้ DRC นั้นจะมีโอกาสที่สำคัญเนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติที่มากกว่าและตำแหน่งยายคารทัม นะว่าผ่าผัวการทะเบีศุลกากรและอากรนําเข้าตารุบนการวางแผวาทักาศเอนเนอจะตัํงใจเทา่ละความลังคาราวง เพ์ ถูยสุ̜ฉุคานกาจจากกาพลททางเกี่ยนคซอยาตส ศุสฝาดทารรรรรคัี่ฉาหระดไโ ฐ่งบพัทีทูก่ นุุขั้นคณอบีุยางลา้ปีเผเข้ามุ่ัลแผกา พร่ง้บุทัฐราร์฿รกาารทบี่กาทายติ์ ของํัดวิยุฉกวายกาีนนออชัขเอแํคก็ตัรกวา พัสทัมีี้อูลี่ยูล ปรุกณุนอ ันลคเยง พการ.